Wednesday 21 September 2016

พอเอ่ยปากก็พูดว่าลำบาก ความเจริญก้าวหน้าก็ออกห่างเธอแล้ว

#อ่านเหอะนะ #โคตรดีเลย. ยาวแต่โคตรมีประโยชน์
โปรดสละเวลา อ่านสักนิด
เพื่อ ตัวคุณ เอง ...
ข้อคิดดีๆน่าแบ่งปัน
หวังอวิ๋นเป็นพนักงานสาวที่สวยมาก เธอทำงานเกือบสามปีแล้ว เพื่อนพนักงานคนอื่นที่เข้าทำงานที่บริษัทหลังเธอ ต่างก็ทยอยได้โอกาสเลื่อนตำแหน่ง แต่เธอยังอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ในใจเธอจึงรู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก...
ในที่สุดวันหนึ่ง เธอจึงยอมเสี่ยงการถูกเลิกจ้าง เข้าไปหาเจ้าของบริษัทเพื่อถามสาเหตุ...
“เถ้าแก่คะ ฉันเคยมาสาย กลับก่อนหรือทำผิดระเบียบบริษัทหรือไม่?”
@ เถ้าแก่ตอบโดยไม่คิดว่า “ไม่เคย”
“งั้นบริษัทมีอคติกับฉันใช่ไหม?” @เถ้าแก่ชะงักไปนิดนึง แล้วพูดว่า “ไม่มีแน่นอน”
“แล้วทำไมคนที่ประสบการณ์น้อยกว่าฉันจึงได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่ฉันกลับอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”
เถ้าแก่อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างยิ้มๆว่า “เรื่องของเธอเดี๋ยวไว้ค่อยคุยกัน ตอนนี้พอดีฉันมีเรื่องด่วน งั้นเธอลองช่วยฉันจัดการเรื่องนี้ได้ไหม?”
........
เถ้าแก่บอกว่า “มีลูกค้ารายหนึ่งกำลังจะมาที่บริษัทเพื่อเยี่ยมชมสินค้า เธอไปติดต่อกับพวกเขานะ ถามว่าจะมาเมื่อไร”
“นี่เป็นหน้าที่ที่สำคัญมาก” ก่อนออกไป หวังอวิ๋นไม่ลืมที่จะพูดกับตัวเอง
ผ่านไปสิบห้านาที เธอกลับมาที่ห้องทำงานของเถ้าแก่
“ติดต่อได้ไหม?” เถ้าแก่ถาม
“ติดต่อได้แล้วค่ะ พวกเขาบอกว่าอาจจะมาอาทิตย์หน้า”
“แล้วอาทิตย์หน้าวันที่เท่าไร?”
เถ้าแก่ถาม
“อันนี้ฉันไม่ได้ถาม”
“แล้วพวกเขาจะมากันกี่คน”
“อ้าว ท่านไม่ได้บอกให้ฉันถามเรื่องนี้นี่คะ”
“แล้วพวกเขามารถไฟหรือเครื่องบิน?”
“เรื่องนี้ท่านก็ไม่ได้บอกให้ฉันถามนี่คะ”
เถ้าแก่ไม่พูดอะไรอีก เขาโทรศัพท์เรียกจางอี๋เข้ามา...
จางอี๋ทำงานที่บริษัทหลังเธอหนึ่งปี ตอนนี้เป็นผู้รับผิดชอบของแผนกหนึ่ง จางอี๋ได้รับการมอบหมายหน้าที่เหมือนกับที่เมื่อครู่ที่เธอได้รับ สักพักหนึ่ง จางอี๋ก็กลับมา
“เป็นอย่างนี้ค่ะ............”
จางอี๋ตอบ “พวกเขาจะนั่งเครื่องบินเที่ยวบ่ายสามโมงของวันศุกร์หน้ามาค่ะ คาดว่าจะมาถึงตอนค่ำหกโมง พวกเขาจะมากันห้าคน นำทีมโดยผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อชื่อคุณหวัง ฉันได้บอกพวกเขาแล้วว่า บริษัทของเราจะส่งคนไปรับพวกเขาที่สนามบิน”
“นอกจากนั้น พวกเขาวางแผนที่จะมาเยี่ยมชมบริษัทสองวัน ส่วนรายละเอียดเมื่อมาถึงแล้วทั้งสองฝ่ายค่อยปรึกษากัน และเพื่อให้สะดวกกับการทำงาน ฉันเสนอให้พวกเขาพักที่ International Hotel ที่อยู่ใกล้ๆบริษัท ถ้าท่านเห็นด้วย พรุ่งนี้ฉันจะจองเรื่องห้องพักไว้ล่วงหน้า”
“ยังมีค่ะ พยากรณ์อากาศบอกว่าอาทิตย์หน้าจะมีฝนตก ฉันจะคงการติดต่อกับพวกเขาตลอดเวลา ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ฉันจะรายงานท่านทันที”
หวังอวิ๋นที่ดูอยู่ข้างๆรู้สึกอายจนหน้าแดง เดินออกจากห้องทำงานไปโดย ไม่พูดอะไรอีก
คืนนั้น เธอได้รับ message จากเถ้าแก่ดังนี้
-------------------------------
หวังอวิ๋น ไม่ว่าเธอจะทำงานที่ไหน ขอให้จดจำกฎทองเหล่านี้เอาไว้
1 : งานจะไม่เลี้ยงดูคนที่ว่าง ทีมงานจะไม่เลี้ยงดูคนที่ขี้เกียจ
2 : การเข้าทำงานใดก็ตาม ก่อนอื่นอย่าได้นึกแต่ว่าจะได้รายได้ ให้เรียนรู้ก่อนว่าจะทำให้ตนเองมีคุณค่าได้อย่างไร
3 : ไม่มีเงินจากธุรกิจใดๆที่หาได้โดยง่าย
4: การทำงาน ไม่มีงานไหนๆที่จะราบรื่นไปทั้งหมด ได้รับความคับข้องใจบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
5: ไม่ได้รายได้ ก็ได้ความรู้ ไม่ได้ความรู้ ก็ได้ประสบการณ์ ไม่ได้ประสบการณ์ ก็ได้ความโชกโชน เมื่อสิ่งข้างต้นล้วนได้แล้ว ก็ไม่มีวันที่จะหาเงินไม่ได้
6 : มีเพียงการเปลี่ยนแปลงท่าทีของตนเองก่อน จึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตให้สูงขึ้น มีเพียงการเปลี่ยนแปลงท่าทีของการทำงานก่อน จึงจะสามารถมีอาชีพที่สูงขึ้น
7 : สาเหตุที่ทำให้คนเราเลอะเลือนเวิ้งว้างมีเพียงอย่างเดียว----นั่นก็คือในอายุที่ควรดิ้นรนต่อสู้ กลับคิดมากไป ทำน้อยไป
------------------------------
ขอมอบคำสามคำไว้ให้ : ตั้งใจทำ
เธอจึงได้เข้าใจโดยฉับพลันว่า ไม่มีใครหรอกที่เกิดมาก็สามารถรับผิดชอบงานใหญ่ ล้วนต้องทำโดยเริ่มจากงานเล็กๆที่เรียบง่ายและธรรมดา วันนี้ตัวเธอติดฉลากให้กับตนเองอย่างไร อาจบางทีก็จะกำหนดได้ว่าวันพรุ่งนี้ตัวเธอจะได้รับมอบหมายให้ทำงานใหญ่ได้หรือไม่
ระดับความเอาใจใส่จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของการทำงานโดยตรง บริษัทใดๆก็ตามล้วนอยากได้พนักงานที่ทำงานกระตือรือร้นและมีความรับผิดชอบในงานได้ด้วยตัว เอง
พนักงานที่ดีเด่นมักไม่ใช่คนที่เอาแต่รอให้คนอื่นมอบหมายงานให้ แต่เป็นคนที่ไปทำความเข้าใจด้วยตัวเองว่าควรทำอะไร หลังจากนั้นก็ทำงานนั้นให้ลุล่วงอย่างเต็มกำลัง
//////////////////////////////////////
Jack Ma เคยพูดไว้ว่า
คนสิบประเภทที่จะไม่ได้เงินเดือนสูง ยิ่งไม่คุ้มค่าที่จะอุ้มชู
หนึ่ง : คนที่คิดแต่อยากได้หยุดสัปดาห์ละสองวัน
สอง : คนที่คิดแต่จะเข้างานเก้าโมงเช้าเลิกงานห้าโมงเย็น
สาม : คนที่คิดแต่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วย basic salary
สี่ : คนที่จิตใจไม่มีความมุ่งหมาย
ห้า : คนที่ไม่มีความคิดที่ก้าวไปข้างหน้าตามกาลเวลา
หก : คนที่ทำงานเฉื่อยชา
เจ็ด : คนที่เป็นคนความประพฤติไม่เที่ยงตรง
แปด : คนที่ไม่กล้ารับผิดชอบ
เก้า : คนที่มักคิดว่าตนเองมีค่าสูงเกินเกินไป
สิบ : คนที่มักตำหนิว่าบริษัทไม่ดีพอ
///////////////////////////////////////////
ผู้ที่ก่อตั้งบริษัท Huawei กล่าวว่า : มีคนมากมายที่ถามผมว่า มาทำงานที่บริษัทมีหยุดอาทิตย์ละสองวันหรือไม่? จำเป็นต้องทำงานล่วงเวลาไหม?
ฉันยิ้มๆไม่ตอบ และเชิญพวกเขาให้ออกจากบริษัทอย่างสุภาพ
อยากสบาย ยังจะออกมาทำงานทำไม?
นอนขลุกอยู่แต่ที่บ้านก็ไม่ใช่ได้หยุดทั้งเจ็ดวันแล้วหรือ?
คนเรานั้น ถ้าไม่ถือโอกาสขยันตอนอายุยังน้อย ความหนุ่มสาวของเธอจะมีประโยชน์อะไร?
กล่าวกันว่าวัยหนุ่มสาวก็คือต้นทุน สิ่งที่ฉันอยากจะเพิ่มเติมก็คือ มีเพียงการต่อสู้บากบั่น ต้นทุนของเธอจึงจะมีคุณค่า มีเพียงการดิ้นรนต่อสู้ ความหนุ่มสาวของเธอจึงจะควรค่าแก่การเชิดชู
พอเอ่ยปากก็พูดว่าลำบาก ความเจริญก้าวหน้าก็ออกห่างเธอแล้ว
พอทำออกไปก็คิดถึงแต่ผลตอบแทน โอกาสก็ออกห่างเธอแล้ว
พอทำงานก็คิดแต่ประโยชน์ส่วนตัว ผลเก็บเกี่ยวที่จะได้ก็ออกห่างเธอแล้ว
พอเริ่มต้นก็คิดแต่จะพูดถึงเงื่อนไข อนาคตความก้าวหน้าก็ออกห่างเธอแล้ว
พอร่วมมือทำงานกันก็คิดแต่ว่าตนเองจะไม่เสียเปรียบได้อย่างไร ความสำเร็จของธุรกิจก็ออกห่างเธอแล้ว
เรื่องเล่านี้อ่านไว้สอนตัวเรา หรือลูกหลาน นะครับ

พอเอ่ยปากก็พูดว่าลำบาก ความเจริญก้าวหน้าก็ออกห่างเธอแล้ว

#อ่านเหอะนะ #โคตรดีเลย. ยาวแต่โคตรมีประโยชน์
โปรดสละเวลา อ่านสักนิด
เพื่อ ตัวคุณ เอง ...
ข้อคิดดีๆน่าแบ่งปัน
หวังอวิ๋นเป็นพนักงานสาวที่สวยมาก เธอทำงานเกือบสามปีแล้ว เพื่อนพนักงานคนอื่นที่เข้าทำงานที่บริษัทหลังเธอ ต่างก็ทยอยได้โอกาสเลื่อนตำแหน่ง แต่เธอยังอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ในใจเธอจึงรู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก...
ในที่สุดวันหนึ่ง เธอจึงยอมเสี่ยงการถูกเลิกจ้าง เข้าไปหาเจ้าของบริษัทเพื่อถามสาเหตุ...
“เถ้าแก่คะ ฉันเคยมาสาย กลับก่อนหรือทำผิดระเบียบบริษัทหรือไม่?”
@ เถ้าแก่ตอบโดยไม่คิดว่า “ไม่เคย”
“งั้นบริษัทมีอคติกับฉันใช่ไหม?” @เถ้าแก่ชะงักไปนิดนึง แล้วพูดว่า “ไม่มีแน่นอน”
“แล้วทำไมคนที่ประสบการณ์น้อยกว่าฉันจึงได้รับการเลื่อนตำแหน่ง แต่ฉันกลับอยู่ในตำแหน่งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง”
เถ้าแก่อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างยิ้มๆว่า “เรื่องของเธอเดี๋ยวไว้ค่อยคุยกัน ตอนนี้พอดีฉันมีเรื่องด่วน งั้นเธอลองช่วยฉันจัดการเรื่องนี้ได้ไหม?”
........
เถ้าแก่บอกว่า “มีลูกค้ารายหนึ่งกำลังจะมาที่บริษัทเพื่อเยี่ยมชมสินค้า เธอไปติดต่อกับพวกเขานะ ถามว่าจะมาเมื่อไร”
“นี่เป็นหน้าที่ที่สำคัญมาก” ก่อนออกไป หวังอวิ๋นไม่ลืมที่จะพูดกับตัวเอง
ผ่านไปสิบห้านาที เธอกลับมาที่ห้องทำงานของเถ้าแก่
“ติดต่อได้ไหม?” เถ้าแก่ถาม
“ติดต่อได้แล้วค่ะ พวกเขาบอกว่าอาจจะมาอาทิตย์หน้า”
“แล้วอาทิตย์หน้าวันที่เท่าไร?”
เถ้าแก่ถาม
“อันนี้ฉันไม่ได้ถาม”
“แล้วพวกเขาจะมากันกี่คน”
“อ้าว ท่านไม่ได้บอกให้ฉันถามเรื่องนี้นี่คะ”
“แล้วพวกเขามารถไฟหรือเครื่องบิน?”
“เรื่องนี้ท่านก็ไม่ได้บอกให้ฉันถามนี่คะ”
เถ้าแก่ไม่พูดอะไรอีก เขาโทรศัพท์เรียกจางอี๋เข้ามา...
จางอี๋ทำงานที่บริษัทหลังเธอหนึ่งปี ตอนนี้เป็นผู้รับผิดชอบของแผนกหนึ่ง จางอี๋ได้รับการมอบหมายหน้าที่เหมือนกับที่เมื่อครู่ที่เธอได้รับ สักพักหนึ่ง จางอี๋ก็กลับมา
“เป็นอย่างนี้ค่ะ............”
จางอี๋ตอบ “พวกเขาจะนั่งเครื่องบินเที่ยวบ่ายสามโมงของวันศุกร์หน้ามาค่ะ คาดว่าจะมาถึงตอนค่ำหกโมง พวกเขาจะมากันห้าคน นำทีมโดยผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อชื่อคุณหวัง ฉันได้บอกพวกเขาแล้วว่า บริษัทของเราจะส่งคนไปรับพวกเขาที่สนามบิน”
“นอกจากนั้น พวกเขาวางแผนที่จะมาเยี่ยมชมบริษัทสองวัน ส่วนรายละเอียดเมื่อมาถึงแล้วทั้งสองฝ่ายค่อยปรึกษากัน และเพื่อให้สะดวกกับการทำงาน ฉันเสนอให้พวกเขาพักที่ International Hotel ที่อยู่ใกล้ๆบริษัท ถ้าท่านเห็นด้วย พรุ่งนี้ฉันจะจองเรื่องห้องพักไว้ล่วงหน้า”
“ยังมีค่ะ พยากรณ์อากาศบอกว่าอาทิตย์หน้าจะมีฝนตก ฉันจะคงการติดต่อกับพวกเขาตลอดเวลา ถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ฉันจะรายงานท่านทันที”
หวังอวิ๋นที่ดูอยู่ข้างๆรู้สึกอายจนหน้าแดง เดินออกจากห้องทำงานไปโดย ไม่พูดอะไรอีก
คืนนั้น เธอได้รับ message จากเถ้าแก่ดังนี้
-------------------------------
หวังอวิ๋น ไม่ว่าเธอจะทำงานที่ไหน ขอให้จดจำกฎทองเหล่านี้เอาไว้
1 : งานจะไม่เลี้ยงดูคนที่ว่าง ทีมงานจะไม่เลี้ยงดูคนที่ขี้เกียจ
2 : การเข้าทำงานใดก็ตาม ก่อนอื่นอย่าได้นึกแต่ว่าจะได้รายได้ ให้เรียนรู้ก่อนว่าจะทำให้ตนเองมีคุณค่าได้อย่างไร
3 : ไม่มีเงินจากธุรกิจใดๆที่หาได้โดยง่าย
4: การทำงาน ไม่มีงานไหนๆที่จะราบรื่นไปทั้งหมด ได้รับความคับข้องใจบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
5: ไม่ได้รายได้ ก็ได้ความรู้ ไม่ได้ความรู้ ก็ได้ประสบการณ์ ไม่ได้ประสบการณ์ ก็ได้ความโชกโชน เมื่อสิ่งข้างต้นล้วนได้แล้ว ก็ไม่มีวันที่จะหาเงินไม่ได้
6 : มีเพียงการเปลี่ยนแปลงท่าทีของตนเองก่อน จึงจะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตให้สูงขึ้น มีเพียงการเปลี่ยนแปลงท่าทีของการทำงานก่อน จึงจะสามารถมีอาชีพที่สูงขึ้น
7 : สาเหตุที่ทำให้คนเราเลอะเลือนเวิ้งว้างมีเพียงอย่างเดียว----นั่นก็คือในอายุที่ควรดิ้นรนต่อสู้ กลับคิดมากไป ทำน้อยไป
------------------------------
ขอมอบคำสามคำไว้ให้ : ตั้งใจทำ
เธอจึงได้เข้าใจโดยฉับพลันว่า ไม่มีใครหรอกที่เกิดมาก็สามารถรับผิดชอบงานใหญ่ ล้วนต้องทำโดยเริ่มจากงานเล็กๆที่เรียบง่ายและธรรมดา วันนี้ตัวเธอติดฉลากให้กับตนเองอย่างไร อาจบางทีก็จะกำหนดได้ว่าวันพรุ่งนี้ตัวเธอจะได้รับมอบหมายให้ทำงานใหญ่ได้หรือไม่
ระดับความเอาใจใส่จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของการทำงานโดยตรง บริษัทใดๆก็ตามล้วนอยากได้พนักงานที่ทำงานกระตือรือร้นและมีความรับผิดชอบในงานได้ด้วยตัว เอง
พนักงานที่ดีเด่นมักไม่ใช่คนที่เอาแต่รอให้คนอื่นมอบหมายงานให้ แต่เป็นคนที่ไปทำความเข้าใจด้วยตัวเองว่าควรทำอะไร หลังจากนั้นก็ทำงานนั้นให้ลุล่วงอย่างเต็มกำลัง
//////////////////////////////////////
Jack Ma เคยพูดไว้ว่า
คนสิบประเภทที่จะไม่ได้เงินเดือนสูง ยิ่งไม่คุ้มค่าที่จะอุ้มชู
หนึ่ง : คนที่คิดแต่อยากได้หยุดสัปดาห์ละสองวัน
สอง : คนที่คิดแต่จะเข้างานเก้าโมงเช้าเลิกงานห้าโมงเย็น
สาม : คนที่คิดแต่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วย basic salary
สี่ : คนที่จิตใจไม่มีความมุ่งหมาย
ห้า : คนที่ไม่มีความคิดที่ก้าวไปข้างหน้าตามกาลเวลา
หก : คนที่ทำงานเฉื่อยชา
เจ็ด : คนที่เป็นคนความประพฤติไม่เที่ยงตรง
แปด : คนที่ไม่กล้ารับผิดชอบ
เก้า : คนที่มักคิดว่าตนเองมีค่าสูงเกินเกินไป
สิบ : คนที่มักตำหนิว่าบริษัทไม่ดีพอ
///////////////////////////////////////////
ผู้ที่ก่อตั้งบริษัท Huawei กล่าวว่า : มีคนมากมายที่ถามผมว่า มาทำงานที่บริษัทมีหยุดอาทิตย์ละสองวันหรือไม่? จำเป็นต้องทำงานล่วงเวลาไหม?
ฉันยิ้มๆไม่ตอบ และเชิญพวกเขาให้ออกจากบริษัทอย่างสุภาพ
อยากสบาย ยังจะออกมาทำงานทำไม?
นอนขลุกอยู่แต่ที่บ้านก็ไม่ใช่ได้หยุดทั้งเจ็ดวันแล้วหรือ?
คนเรานั้น ถ้าไม่ถือโอกาสขยันตอนอายุยังน้อย ความหนุ่มสาวของเธอจะมีประโยชน์อะไร?
กล่าวกันว่าวัยหนุ่มสาวก็คือต้นทุน สิ่งที่ฉันอยากจะเพิ่มเติมก็คือ มีเพียงการต่อสู้บากบั่น ต้นทุนของเธอจึงจะมีคุณค่า มีเพียงการดิ้นรนต่อสู้ ความหนุ่มสาวของเธอจึงจะควรค่าแก่การเชิดชู
พอเอ่ยปากก็พูดว่าลำบาก ความเจริญก้าวหน้าก็ออกห่างเธอแล้ว
พอทำออกไปก็คิดถึงแต่ผลตอบแทน โอกาสก็ออกห่างเธอแล้ว
พอทำงานก็คิดแต่ประโยชน์ส่วนตัว ผลเก็บเกี่ยวที่จะได้ก็ออกห่างเธอแล้ว
พอเริ่มต้นก็คิดแต่จะพูดถึงเงื่อนไข อนาคตความก้าวหน้าก็ออกห่างเธอแล้ว
พอร่วมมือทำงานกันก็คิดแต่ว่าตนเองจะไม่เสียเปรียบได้อย่างไร ความสำเร็จของธุรกิจก็ออกห่างเธอแล้ว
เรื่องเล่านี้อ่านไว้สอนตัวเรา หรือลูกหลาน นะครับ